ปรับตัวให้ทันก่อนจะ บริจาคเลือด ไม่ได้อีกต่อไป

บริจาคเลือด เคยสังเกตไหมว่า คนยุคนี้เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการบริจาคเลือดกันมากขึ้น ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะการประชาสัมพันธ์ที่ดีขึ้นของหน่วยงานต่างๆ อีกส่วนหนึ่งก็เป็นการตระหนักถึงประโยชน์ที่จะสามารถส่งต่อให้กับผู้อื่นได้อย่างมหาศาลนั่นเอง ยิ่งเมื่อมีนโยบายที่ทำให้ผู้บริจาคได้ประโยชน์ด้วย เช่น การรับรักษาพยาบาลฟรี เป็นต้น ก็ยิ่งกระตุ้นให้คนที่ยังลังเลตัดสินใจได้ง่ายขึ้นอีก แต่ขณะเดียวกันก็มีภัยเงียบที่เกิดขึ้นกับผู้บริจาคด้วยเช่นกัน                 คนที่บริจาคเลือดอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ดูแลตัวเองให้ดี เพราะคิดไปว่าตัวเองนั้นมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้มากมาย ถือว่าเป็นกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงมากที่สุด เนื่องจากหลังการบริจาค ร่างกายจะเสียเลือดไปพอสมควร แน่นอนว่ารวมถึงวิตามิน โปรตีนและธาตุเหล็กด้วย จำเป็นต้องได้รับการทดแทนอย่างเพียงพอ ทางโรงพยาบาลจึงให้เป็นยาเม็ดมาบำรุงร่างกาย                 แต่หลายคนที่บริจาคเลือดก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะทานยาเหล่านั้นให้ครบ คิดว่าตนเองมีเลือดที่ดีอยู่แล้ว และแค่ทานอาหารปกติก็จะฟื้นตัวกลับมาได้โดยง่าย ความจริงแล้วเราไม่อาจรู้ได้ว่า อาหารที่เราทานเข้าไปนั้นจะเพียงพอ ธาตุเหล็กสะสมจึงมีโอกาสสูงมากที่จะลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งมีผลทำให้ความเข้มเลือดตกลง จะเร็วหรือช้าก็อยู่ที่พื้นฐานร่างกายและลักษณะการใช้ชีวิตของแต่ละคนนั่นเอง สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ก็คือ หากมีภาวะเลือดจางแล้ว การฟื้นฟูตัวเองให้กลับมามีลักษณะเลือดเหมือนเดิมนั้นไม่ง่าย                 ผู้ใดที่อยากจะบริจาคเลือดได้ตลอดไป จึงต้องเปลี่ยนแนวคิดเสียใหม่ การทานยาเม็ดบำรุงจนหมดห่อนั้นไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงเลย การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์หลังการบริจาคก็จำเป็นมาก รวมไปถึงการออกกำลังกายและการนอนหลับพักผ่อนด้วย ในช่วงเดือนแรกหลังการบริจาคจึงควรให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้ก่อน หากแพทย์มีคำแนะนำเพิ่มเติมก็ควรปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ของเราเอง ค้นหาหาข้อมูลดีๆเพิ่มเติมได้จากเว็บ สุขภาพดี