เมื่อเร็วๆ นี้เรามักได้ยินข่าวที่สร้างความหวั่นใจให้กับบรรดาคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็กๆ กันอีกแล้วหลังจากที่เรื่อง COVID-19 คลี่คลายไปในระดับที่น่าพอใจนั่นคือการเกิดการแพร่ระบาดของ ไวรัส RSV ซึ่งไม่ใช่แค่ไวรัสไข้หวัดใหญ่ธรรมดาแต่ว่าส่งผลระบบทางเดินหายใจในระดับที่รุนแรงกว่านั้น ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกับเจ้าไวรัส RSV กันเพื่อปกป้องลูกน้อยจากอาการเจ็บป่วยของโรคนี้กันเถอะ ติดตามต่อในบทความสุขภาพดี

ไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดอาการป่วยจากหวัดจนลุกลามเข้าไปติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะเด็กเล็กๆ ที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันโรคมากพอ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบุไว้ว่าไวรัสชนิดนี้พบมากและเจริญเติบโตได้ดีในช่วงที่มีอากาศชื้นโดยเฉพาะในหน้าฝน
สามารถติดต่อกันได้ง่ายเพียงแค่การสัมผัสกันอย่างใกล้ชิด หรือสัมผัสสารคัดหลั่งจากตาหรือจมูก หมายความว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ที่เป็นหวัดมาก่อนมีโอกาสเสี่ยงที่จะได้รับการแพร่เชื้อไวรัสชนิดนี้ได้มากขึ้น ซึ่งไวรัส RSVมีระยะฟักตัวราว 2 – 6 วัน สำหรับอาการของโรคจะแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มหลักๆ คือ
- ทางเดินหายใจส่วนต้นอักเสบ ทำให้มีอาการคล้ายเป็นไข้หวัด มีไข้ ไอ น้ำมูกไหลหรือคออักเสบ
- ทางเดินหายใจส่วนล่าง หรือหูชั้นกลางหรือหลอดลมฝอยอักเสบ ซึ่งมักจะพบในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 1 ปี
- กลุ่มอาการเสียชีวิตเฉียบพลันในทารก ซึ่งจะไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตได้แค่สงสัยว่าเป็นไวรัส RSVร่วมด้วย
ซึ่งถ้าหากเป็นเพียงแค่หวัดธรรมดา อาการข้างต้นจะหายได้เองภายใน 5 – 7 วัน แต่สำหรับอาการที่เกิดจากไวรัสชนิดนี้จะทำให้เกิดการหอบเหนื่อย จนบางคนกลายเป็นปอดบวม หายใจจนหน้าอกบุ๋มหรือหายใจแบบมีเสียงวี้ดแบบหลอดลมฝอยอักเสบ บางรายไอจนตัวเขียวรับประทานอะไรไม่ได้เลย
ไวรัส RSV เป็นเชื้อโรคที่มีอันตรายมากๆ โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก

หากพบว่าในเด็กมีการติดเชื้อจากไวรัสชนิดนี้จะต้องรักษาตามอาการ เช่น ระวังการขาดน้ำเพื่อไม่ให้เสมหะเหนียวข้นและเชื้อลงปอด หรืออาจใช้ยาพ่นขยายหลอดลม รับประทานยาลดไข้ทุก 4 – 6 ชั่วโมง พักผ่อนเยอะๆ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวโดยใช้ระยะเวลาประมาณ 7 – 14 วัน ส่วนแนวทางป้องกันการเกิดโรคคือต้องล้างมือให้เด็กบ่อยๆ หรือหากคนในบ้านมีอาการป่วยคล้ายจะเป็นหวัดต้องให้แยกเด็กและผู้ใหญ่ออกจากกัน
สรุปคือเจ้าไวรัส RSVเป็นเชื้อโรคที่มีอันตรายมากๆ โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก ที่หากมองแค่เพียงผิวเผินอาจเข้าใจว่าเป็นเพียงแค่ไข้หวัดธรรมดาจึงไม่ได้ไปพบแพทย์ได้ เพราะฉะนั้นข้อมูลที่กล่าวมาทั้งหมดถือว่าเป็นประโยชน์ต่อบรรดาพ่อ แม่ที่ควรรู้ไว้และเฝ้าระวังให้ลูกน้อยของตัวเองหลีกหนีพ้นภัยจากโรคร้ายแรงชนิดนี้ได้